แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 11
1
ขายรถราคาพิเศษ Mitsubishi Pajero Sport GT-Plus ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

Mitsubishi Pajero Sport GT-Plus รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 15 ก.ย. - 30 ธ.ค. 2567
ส่วนลด 210,000 สามารถนำมาเป็นเงินดาวน์เพื่อทำโปรฟรีดาวน์ได้

ราคาพิเศษ 1,189,000 บาท

สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

Pajero Sport 2.4D GT Plus

2.4L ดีเซล
 2WD เกียร์อัตโนมัติ
 ระบบเกียร์อัจฉริยะ 8 จังหวะ พร้อม Sport Mode และระบบ INC
 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว พร้อมวาล์วไอดีแปรผัน, เทอร์โบแปรผัน และอินเตอร์คูลเลอร์

คุณสมบัติเด่น
ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย
ระบบเบรกแบบ ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ EBD
ชุดตกแต่งใต้กันชนหน้า สีเงิน
ชุดตกแต่งใต้กันชนหลัง สีเงิน
สปอยเลอร์หลังสีเดียวกับตัวรถ
ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบแฮนด์ฟรี และปุ่มปิดฝาท้ายพร้อมล็อกรถ
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า พร้อมสวิตช์เปิด-ปิด และไฟแสดงผล สำหรับด้านผู้โดยสาร
ระบบลดกำลังเครื่องยนต์ เพื่อช่วยเบรก
ระบบ Brake Auto Hold
ระบบเบรกมือควบคุมด้วยไฟฟ้าอัตโนมัติ
ระบบเสริมแรงเบรก BA
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว พร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน
สวิตช์ควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ที่พวงมาลัย
จอแสดงข้อมูลการขับขี่ พร้อมเมนูภาษาไทย แบบความชัดเจนสูงขนาด 4.2 นิ้ว
จุดยึดเบาะเด็ก ISOFIX ที่เบาะนั่งแถวที่ 2
ภายในตกแต่งสีเงิน และเปียโนแบล็ค
ช่องจ่ายกระแสไฟ AC 220 โวลต์ บริเวณคอนโซลกลางด้านหลัง
ช่องต่ออุปกรณ์ USB สำหรับชาร์จไฟ บริเวณคอนโซลกลางด้านหลัง 2 ตำแหน่ง
ช่องต่ออุปกรณ์ USB บริเวณด้านหน้า 2 ตำแหน่ง
ระบบล็อกความเร็วบนพวงมาลัย
กล้องมองภาพรอบคัน พร้อมเส้นกะระยะ และเส้นแสดงทิศทางการเคลื่อนที่ของรถ
สัญญาณกะระยะจอดด้านหลัง
ระบบปรับอากาศ แบบปรับอุณหภูมิอัตโนมัติ แบบแยกปรับอุณหภูมิซ้าย-ขวา
หน้าจอระบบสัมผัส 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อผ่านสมาร์ทโฟน SDA
รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto*
ช่องต่ออุปกรณ์ HDMI
ระบบเชื่อมต่อบลูทูธ แบบ A2DP
ระบบ Hands-Free และ Voice Command
จอภาพแบบ Wide Screen ขนาด 12.1 นิ้ว พร้อมรีโมท เชื่อมต่อ HDMI และ USB สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
หูฟังอินฟราเรด 2 ชุด สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
รองรับการเชื่อมต่อระบบ M-Connect
ลำโพง 6 ตำแหน่ง
ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
ระบบไฟสว่างอัตโนมัติเมื่อปลดล็อก ทำงานร่วมกับระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ และระบบไฟนำทางหลังดับเครื่องยนต์


2
ซ่อมบำรุงอาคาร: ต้นตอปัญหาน้ำรั่วบริเวณฝ้าเพดาน เกิดได้จากอะไรบ้าง?

สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลย คือเรื่องของโครงฝ้าเพดาน ที่จะต้องใช้วัสดุที่ทนต่อความชื้น มีการเคลือบชุบสังกะสี ไม่เป็นสนิม แข็งแรง และทนทาน เพื่อไม่ให้ฝ้าเพดานถล่มลงมาหลังจากเกิดการขังของน้ำ ซึ่งปัญหาน้ำรั่วจากฝ้าเพดาน เป้นปัญหากวนใจสำหรับใครหลายคน แถมยังสร้างความหนักใจในการแก้ไขปัญหาด้วย เพราะถือว่าเป็นงานที่ใหญ่ และต้องแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด เพราะต้นตอของปัญหาการรั่วซึมนั้น เกิดได้จากหลายสาเหตุ หากเราแก้ไขไม่ถูกจุด ก็จะสร้างปัญหาให้กับเจ้าของบ้านอยู่เรื่อยๆ ประกอบกับเรื่องความสะอาดภายในบ้านของเรา เป็นสิ่งที่เราจะต้องดูแลเอาใจใส่อยู่เสมอ เพราะบ้านเป็นสถานที่ที่เราต้องอยู่อาศัยทุกวัน ถ้าปล่อยให้บ้านมีความสกปรก ไม่เช็ดถูทำความสะอาด อาจจะส่งผลต่อสุขภาพของคนในบ้านได้ แถมยังทำให้บรรยากาศภายในบ้านไม่ดีด้วย และปัญหาน้ำรั่วซึม ยังเป้นต้นเหตุของปัญหาคราบเชื้อราบนผนัง ที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพของคนในบ้าน ดังนั้น วันนี้ทางเราจะมาพูดถึงต้นตอของการเกิดปัญหาน้ำรั่วซึม ที่สามารถเกิดขึ้นได้ในบ้านของเรา หากไม่รีบแก้ไขอาจจะเกิดเหตุไม่คาดฝัน อาจจะทำให้ฝ้าพังลงมาได้เลยทีเดียว

ปัญหาที่เจอบ่อยกันมากในช่วงฤดูฝนก็คือ ฝ้าเพดานรั่ว เพราะอย่างที่รู้กันว่า ประเทศไทยนั้นเป็นประเทศที่ชื้นและฝนก็ตกนานมาก ซึ่งการที่น้ำจะรั่วซึมนั้นก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลก แต่การเกิดการรั่วซึมบริเวณฝ้าเพดานก็เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่นมีน้ำที่รั่วซึมมาจากหลังคา เพราะในช่วงที่ฝนตก ถ้าหากหลังคาหรือดาดฟ้ามีรอยรั่วอยู่ น้ำก็จะไหลลงมายังฝ้าเพดาน ทำให้เปียกจนอาจจะเกิดการบวม ขึ้นรา และเกิดการทะลุได้ หรืออาจจะมีน้ำรั่วซึมจากภายนอก เช่น รอยแตกร้าวของผนังปูน ที่เมื่อฝนสาดเข้ามาใส่บ้านแล้ว น้ำเหล่านั้นก็จะไหลไปรวมกันที่ฝ้าเพดานได้เหมือนกับการรั่วที่หลังคา รวมไปถึงการรั่วซึมภายในบ้าน

ถ้าหากห้องน้ำที่อยู่ชั้นบนของบ้าน ไม่ได้ปูวัสดุกันซึมก่อนปูกระเบื้อง น้ำอาจจะซึมเข้าตามผนังและไหลไปยังฝ้าเพดานชั้นล่าง หรือ ท่อน้ำภายในเกิดการชำรุด จนน้ำรั่วไหลออกมา ก็เป็นอีกสาเหตุหลักที่ฝ้าเพดานรั่ว บางครั้งอาจจะส่งกลิ่นเหม็น ทำให้บรรยากาศภายในบ้านไม่น่าอยู่ได้อีกด้วย นอกจากนี้ อาจจะมีสาเหตุมาจาก แผ่นยิปซัมที่เราใช้อาจจะไม่กันชื้น สำหรับแผ่นฝ้ายิปซัมบางชนิดนั้น ไม่ได้มีวัสดุเคลือบที่ทนต่อความชื้น หรือมีอัตราการอมน้ำที่สูง เมื่อน้ำรั่วมาจากภายในบ้าน จะทำให้น้ำซึมเข้าไปข้างใน จนเกิดอาการบวม และรั่วออกมาในที่สุด และอีกหนึ่งสาเหตุที่ก่อให้เกิดน้ำรั่วบนฝ้าเพดานนั้น ก็คือ เรื่องตำแหน่งของท่อระบายน้ำ ซึ่งก็นับว่าเป็นสาเหตุที่เกิดขึ้นได้บ่อยครั้ง โดยเฉพาะการติดตั้งตะแกรงระบายน้ำทิ้ง ที่อาจเจาะและติดตั้งไม่ดี ส่งผลให้ข้อต่อของท่อระบายน้ำไม่พอดีกัน แล้วนำมาสู่เกิดปัญหาน้ำรั่วซึมไปยังห้องด้านล่าง และมีคราบน้ำบริเวณฝ้าเพดานอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้

การปูกระเบื้องที่ไม่ได้มาตรฐาน ก็สามารถทำให้เกิดปัญหารั่วซึมได้ มักมีสาเหตุมาจากช่างที่ทำการก่อสร้าง หรือปูกระเบื้องมาตั้งแต่แรก ๆ โดยเฉพาะการปูกระเบื้องแบบซาลาเปา ที่จะต้องนำกาวซีเมนต์ไปทาลงบนบางส่วนของแผ่นกระเบื้อง สุดท้ายแล้วก็ส่งผลให้ตัวกระเบื้องมีช่องว่าง จนทำให้มีความชื้นและน้ำไปสะสม ท้ายที่สุดแล้วก็ส่งผลให้กระเบื้องหลุดร่อน ระเบิด หรือโก่งตัว จนนำมาสู่ปัญหาน้ำซึมและน้ำรั่วตามมา ปัญหาการรั่วซึมเหล่านี้ เราสามารถป้องกันได้ เพียงแค่เราคอยหมั่นสังเกต และตรวจเช็คให้ดีว่ามีรอยรั่วซึมตรงไหนบ้าง เพื่อที่จะได้แก้ไขปัญหาได้ทันที และไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ จนอาจจะทำให้เกิดปัญหาที่ผนังตามมา ซึ่งก็จะเกิดปัญหาไม่จบไม่สิ้น ต้องมาคอยแก้ไขบ่อยครั้ง ดังนั้น บ้านที่เราอยู่ เราควรจะสังเกตถึงปัญหาและรีบแก้ไขให้เร็วที่สุด

อย่างที่ทราบกันว่า ปัจจัยหลายๆอย่างในบ้านของเรา สามารถสร้างบรรยากาศที่ดีในบ้านได้ ไม่ว่าจะเป็นการที่เราได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี มีคุณภาพชีวิตที่ดี เพราะเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดี เพราะสุขภาพที่ดีสามารถทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งนี้ ทางเรามีบริการทำความสะอาดบ้าน หรือภายในอาคารต่างๆ รวมไปถึงยังมีบริการทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะ ไม่ว่าจะเป็น บริษัท ห้างสรรพสินค้า เพราะเราห่วงใยและใส่ใจในเรื่องสุขอนามัยของลูกค้ามาเป็นอันดับแรกเสมอ

3
โรคมะเร็งรังไข่ (Ovarian cancer)

มะเร็งรังไข่ พบเป็นอันดับที่ 6 ของมะเร็งในผู้หญิง พบได้ในหญิงทุกวัย แต่มากในช่วงอายุ 50-60 ปี

มะเร็งรังไข่บางชนิดอาจพบในเด็กก่อนหรือหลังอายุ 10 ปี

สาเหตุ

ยังไม่ทราบแน่ชัด พบว่ามีปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็งชนิดนี้ ได้แก่

    อายุมาก (มักพบมะเร็งชนิดนี้ในหญิง 50-60 ปี)
    การไม่มีบุตร หรือมีบุตรคนแรกเมื่ออายุมากกว่า 35 ปี
    การใช้ฮอร์โมนเอสโทรเจนทดแทนหลังวัยหมดประจำเดือนติดต่อกันนานเกิน 5 ปี
    การมีภาวะอ้วนตั้งแต่วัย 18 ปี
    การมีประวัติว่ามีพ่อแม่ พี่น้องหรือบุตรเป็นมะเร็งรังไข่ เต้านม เยื่อบุมดลูกหรือลำไส้ใหญ่ ซึ่งเกิดจากยีนผิดปกติที่สามารถถ่ายทอดสู่ลูกหลานได้

อาการ

ระยะแรกมักไม่มีอาการแสดง ต่อมามีอาการคล้ายโรคของกระเพาะปัสสาวะและทางเดินอาหารทั่วไป เช่น แน่นท้อง ท้องอืด มีลมในท้อง คลื่นไส้ รู้สึกปวดปัสสาวะที่ต้องรีบเข้าห้องน้ำ ปัสสาวะบ่อย ปวดท้องน้อย การขับถ่ายผิดปกติไปจากเดิม (เช่น ท้องผูก ท้องเดิน) เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย น้ำหนักลดหรือขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ ปวดหลังตอนล่าง เจ็บปวดขณะร่วมเพศ เป็นต้น ซึ่งมักจะมีอาการอย่างต่อเนื่องและค่อย ๆ มากขึ้นทีละน้อย

บางรายอาจมีประจำเดือนผิดปกติ เช่น ปวดประจำเดือน หรือเลือดออกกะปริดกะปรอย

บางรายอาจมีอาการปวดท้องเฉียบพลันแบบถุงน้ำรังไข่ที่มีขั้วบิด

ในระยะท้ายจะมีอาการคลำได้ก้อนในท้อง ท้องมาน (ท้องบวมหรือเสื้อผ้าคับท้องหรือเอว) และอาการของภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากมะเร็งลุกลามไปยังบริเวณข้างเคียงและอวัยวะอื่น

ภาวะแทรกซ้อน

เกิดภาวะแทรกซ้อนของอวัยวะต่าง ๆ ที่มะเร็งแพร่กระจายไป มักลุกลามไปที่กระเพาะอาหาร ลำไส้ (ทำให้เกิดภาวะกระเพาะลำไส้อุดกั้น อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายเป็นเลือด), เนื้อเยื่อในช่องท้อง (ปวดท้อง ท้องมาน), ตับ (เจ็บชายโครงขวา ตาเหลืองตัวเหลือง ท้องมาน)

นอกจากนี้ อาจแพร่กระจายไปที่กระดูก (ปวดกระดูก กระดูกพรุน กระดูกหัก ปวดหลัง ไขสันหลังถูกกดทับ), ปอด (เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก), ไต (ปวดหลัง ปัสสาวะเป็นเลือด), สมอง (ปวดศีรษะมาก อาเจียนมาก เวียนศีรษะ บ้านหมุน เดินเซ แขนขาชาและเป็นอัมพาต ชัก)

การวินิจฉัย

แพทย์จะทำการวินิจฉัยโดยการตรวจภายในช่องคลอด ซึ่งมักคลำได้ก้อนรังไข่ และทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น อัลตราซาวนด์ ถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ การใช้กล้องส่องเข้าช่องท้อง (laparoscopy) เพื่อตรวจดูรังไข่และตัดชิ้นเนื้อรังไข่ไปตรวจทางห้องปฏิบัติการ บางรายอาจทำการตรวจหาระดับสารบ่งชี้มะเร็ง (tumor marker) ได้แก่ สาร CA 125 (cancer antigen 125) ในเลือดซึ่งมีส่วนช่วยในการวินิจฉัย

หากพบว่าเป็นมะเร็งก็จะทำการตรวจเพิ่มเติมด้วยวิธีต่าง ๆ (เช่น เอกซเรย์, อัลตราซาวนด์, เอกซเรย์คอมพิวเตอร์, การถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า-MRI, การตรวจเพทสแกน- PET scan เป็นต้น) เพื่อประเมินว่าเป็นมะเร็งระยะใด

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การรักษาด้วยการผ่าตัดร่วมกับเคมีบำบัด และ/หรือการใช้ยาแบบจำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง (targeted therapy drugs) บางรายอาจให้รังสีบำบัดร่วมด้วย

ผลการรักษา เนื่องจากมะเร็งรังไข่มักตรวจพบในระยะท้ายที่มะเร็งลุกลามไปไกลแล้ว การรักษาจึงได้ผลไม่สู้ดี (มีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปี ประมาณร้อยละ 30-40) แต่ถ้าตรวจพบระยะแรกก็มักจะสามารถรักษาให้หายขาดได้ (มีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปี ประมาณร้อยละ 80-95)

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการแน่นท้อง ท้องอืด ปวดท้องน้อย ปัสสาวะบ่อย เรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุ, ท้องมาน (มีน้ำในท้อง) หรือคลำได้ก้อนในท้อง เป็นต้น ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นมะเร็งรังไข่ ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    หลีกเลี่ยงการซื้อยามากินเอง
    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช โปรตีนที่มีไขมันน้อย (เช่น ปลา ไข่ขาว เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง)
    นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และหาทางผ่อนคลายความเครียด
    ออกกำลังกายและทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งงานอดิเรกที่ชอบ และงานจิตอาสา เท่าที่ร่างกายจะอำนวย
    ทำสมาธิ เจริญสติ หรือสวดมนต์ภาวนาตามหลักศาสนาที่นับถือ
    ถ้ามีโอกาสควรหาทางเข้าร่วมกิจกรรมของกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน หรือกลุ่มมิตรภาพบำบัด
    ผู้ป่วยและญาติควรหาทางเสริมสร้างกำลังใจให้ผู้ป่วย ยอมรับความจริง และใช้ชีวิตในปัจจุบันให้ดีและมีคุณค่าที่สุด
    ถ้าหากมีเรื่องวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคและวิธีบำบัดรักษา รวมทั้งการแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร ยาหม้อ ยาลูกกลอน การนวด ประคบ การฝังเข็ม การล้างพิษ หรือวิธีอื่น ๆ) ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ และทีมสุขภาพที่ดูแลประจำและรู้จักมักคุ้นกันดี

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการไม่สบายหรืออาการผิดปกติ เช่น มีไข้ อ่อนเพลียมาก หอบเหนื่อย หายใจลำบาก ชัก แขนขาชาหรืออ่อนแรง ซีด มีเลือดออก ปวดท้อง ท้องเดิน อาเจียน เบื่ออาหารมาก  กินไม่ได้ ดื่มน้ำไม่ได้ เป็นต้น
    ขาดยาหรือยาหาย
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล

พบว่ามีปัจจัยที่อาจลดความเสี่ยงของมะเร็งรังไข่ ได้แก่

    การมีบุตรมาก
    การเลี้ยงทารกด้วยนมมารดา
    การกินยาเม็ดคุมกำเนิดนานมากกว่า 5 ปีขึ้นไป แต่เนื่องจากยานี้มีผลข้างเคียงหลายอย่าง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อดูความเหมาะสมและความปลอดภัยในการใช้ยานี้
    ถ้ามีญาติสายตรงเป็นมะเร็งเต้านมหรือรังไข่ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจดูว่ามียีนผิดปกติที่ทำให้เกิดมะเร็งหรือไม่ ถ้าพบแพทย์จะได้แนะนำหาวิธีป้องกัน (เช่น ในรายที่มีอายุมากกว่า 35 ปีและมีบุตรแล้ว แพทย์อาจแนะนำให้ผ่าตัดรังไข่ออกไป)

ข้อแนะนำ

1. หลังอายุ 40 ปี ควรได้รับการตรวจภายในช่องคลอดและตรวจอัลตราซาวนด์ปีละครั้ง พร้อมกับการตรวจมะเร็งปากมดลูก จะช่วยให้สามารถตรวจพบมะเร็งรังไข่ระยะแรกและรักษาให้หายขาดได้

2. ปัจจุบันมีวิธีบำบัดรักษาโรคมะเร็งใหม่ ๆ ที่อาจช่วยให้โรคหายขาดหรือทุเลา หรือช่วยให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ผู้ป่วยจึงควรติดต่อรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคมะเร็ง มีความมานะอดทนต่อผลข้างเคียงของการรักษาที่อาจมีได้ อย่าเปลี่ยนแพทย์ เปลี่ยนโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น หากสนใจจะแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร หรือวิธีอื่น ๆ) ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ และทีมสุขภาพที่ดูแลประจำและรู้จักมักคุ้นกันดี

4
ทาวน์เฮ้าส์ เมซอง 168 ลาดพร้าว 101 (Maison 168 Latphrao 101)
เริ่มต้น 5.89 ลบ.

เมซอง 168 ลาดพร้าว 101 (Maison 168 Latphrao 101)
พบกับทาวน์โฮมหรู 3 ชั้น โดย บ้านลุมพินี 'เมซอง 168 ลาดพร้าว 101' บ้านย่านลาดพร้าวที่มาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวก ตั้งบนที่ทำเลใกล้สถานที่สำคัญต่างๆ อาทิ ศูนย์การค้าชั้นนำ รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ถนนหลัก สถานศึกษา และสถานพยาบาล

รายละเอียดโครงการ
ชื่อโครงการ เมซอง 168 ลาดพร้าว 101 (Maison 168 Latphrao 101)
เจ้าของโครงการ ลุมพินี-LPN ดีเวลลอปเมนท์
แบรนด์ย่อย เมซอง 168
ราคา เริ่มต้น 5.89 ลบ.

ประเภทบ้าน ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม (Townhouse Townhome)
ลักษณะทำเล บ้านใกล้เมือง
พื้นที่โครงการ 8 ไร่
จำนวนบ้าน 95 หลัง
แบบบ้านทั้งหมด 1 แบบ
เนื้อที่บ้าน โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
พื้นที่ใช้สอย ตั้งแต่ 209 ตร.ม.
จำนวนชั้น 3 ชั้น
หน้ากว้าง โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
จำนวนห้องนอน 3 ห้อง
จำนวนที่จอดรถ 3 คัน
สาธารณูปโภค สวนสาธารณะ, ฟิตเนส, รปภ., CCTV, สนามเด็กเล่น

สถานที่ใกล้เคียง
โซน รามคำแหง, บางกะปิ, เสรีไท
ที่ตั้ง ลาดพร้าว101 ถนนโพธิ์แก้ว แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร

ขนส่งสาธารณะ ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีเหลือง, สถานี(ลาดพร้าว - สำโรง)(ลาดพร้าว 101)

สถานที่สำคัญใกล้เคียง
1. โรงเรียนมัธยมวัดบึงทองหลาง
2. CDC Crystal Design Center ประดิษฐ์มนูธรรม
3. MRT สายสีเหลือง สถานีลาดพร้าว 101
4. CentralFestival EastVille
5. โรงพยาบาลสิรินาถ บึงกุ่ม
6. ทางพิเศษฉลองรัช (รามอินทรา-อาจณรงค์) ด่านโยธินพัฒนา
7. Imperial World ลาดพร้าว
8. Big C ลาดพร้าว
9. โรงพยาบาลลาดพร้าว
10. Lotus’s เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา
11. Makro ลาดพร้าว
12. The Mall บางกะปิ
13. Index Living Mall สาขาเดอะวอล์ค เกษตร-นวมินทร์
14. ทางพิเศษฉลองรัช (รามอินทรา-อาจณรงค์) ด่านลาดพร้าว

ปีที่สร้างเสร็จ
โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ

5
สักการะ 5 รอยพระพุทธบาท ในไทย ที่เที่ยวไหว้พระ ที่สายทำบุญ ต้องมาสักครั้ง

เอาใจสายบุญกันสักหน่อย เป็นพิกัดที่ต้องตามมาสักการะให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิตเลยค่ะ นั่นก็คือ พิกัด รอยพระพุทธบาท ในไทย ไหนใครไปมาครบแล้วบ้าง หรือว่าขาดที่ไหนอยู่ งั้นตามมาเช็ก 5 รอยพระพุทธบาท นี้ กันได้เลย

พิกัด ที่เที่ยวไทย สักการะ รอยพระพุทธบาท

1. วัดพระพุทธบาทตากผ้า ลำพูน

     วัดพระพุทธบาทตากผ้า วัดสวย ของ ลำพูน ที่เป็นที่ประดิษฐานของ รอยพระพุทธบาท และ รอยตากผ้าจีวร สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองลำพูนมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล โดยมีการบูรณะปฏิสังขรณ์มาหลายยุคหลายสมัยด้วยกัน และยังเป็นศูนย์กลางการศึกษาพระปริยัติธรรมและการปฏิบัติธรรมอีกด้วยค่ะ ที่สำคัญเราสามารถชมวิวของธรรมชาติที่งดงามได้ เหมาะแก่การมาไหว้พระ ทำบุญ ปฏิบัติธรรมอย่างมากจริงๆ

    ที่อยู่ : หมู่ 6 ตำบลมะกอก อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน
    เปิดให้เข้าชม : 06.00-18.00 น.

2. วัดพระพุทธบาท ราชวรมหาวิหาร สระบุรี

วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร หรือ วัดพระพุทธบาท สระบุรี แห่งนี้ ถือได้ว่าเป็นวัดสำคัญที่มีการบันทึก ตามพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาว่า ในสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ได้มีการสืบหาพบรอยพระพุทธบาท และโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระมณฑปยอดเดี่ยวสวมรอยพระพุทธบาท และอารามอื่นๆ โดย รอยพระพุทธบาท นั้น เป็นรอยพระบาทตามลักษณะ 108 ประการ ซึ่งในทุกๆ ปี จะมีการจัดงาน เทศกาลนมัสการพระพุทธบาท เพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วยค่ะ

    ที่อยู่ : ตำบลขุนโขลน อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี
    เปิดให้เข้าชม : 07.00 - 17.00 น.

3. วัดเฉลิมพระเกียรติ พระจอมเกล้าราชานุสรณ์

วัดเฉลิมพระเกียรติฯ หรือ วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ เป็น วัดสวย ที่ตั้งอยู่บน ดอยปู่ยักษ์ ในพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าดอยพระบาท โดดเด่นไปด้วยองค์เจดีย์สีขาวที่ตั้งอยู่บนยอดเขาอีกที นับว่าสวยงามอลังการอย่างมาก และที่สำคัญมีการประดิษฐาน รอยพระพุทธบาท ทั้ง รอยพระพุทธบาทใหญ่ และ รอยพระพุทธบาทคู่ ที่เป็นอีกไฮไลท์ของวัดแห่งนี้นั่นเอง

    ที่อยู่ : หมู่บ้านทุ่งทอง หมู่ 7 ถนนแจ้ห่มเมืองเหนือ ตำบลวิเชตนคร อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง
    เปิดให้เข้าชม : 07.30-16.00 น.

4. เขาคิชฌกูฏ จันทบุรี

สำหรับสถานที่นี้ ไม่พูดถึงไม่ได้เลย ที่ เขาคิชฌกูฏ เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวสายบุญ ซึ่งจะมี งานนมัสการรอยพระบาทเขาคิชฌกูฏ จัดขึ้นเป็นประจำทุกๆ ปีในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม โดยแต่ละปีจะมีพุทธศาสนิกชนจำนวนมากเดินทางมาเพื่อแสวงบุญกัน เชื่อ ว่ากันว่าใครได้มานมัสการ รอยพระพุทธบาท บนยอดเขาคิชฌกูฏ ก็เหมือนได้เข้าเฝ้าองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า นั่นเองค่ะ

    ที่อยู่ : อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ ตำบลตะเคียนทอง อำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี
    เปิดให้เข้าชม : เดือน มกราคม-มีนาคม ของทุกปี

5. วัดพระพุทธบาทน้ำทิพย์ สกลนคร

วัดพระพุทธบาทน้ำทิพย์ เป็นวัดที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งใน สกลนคร ที่นี่มีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ลักษณะงดงามประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง นอกจากนี้ที่วัดยังมี รอยพระพุทธบาท ฝั่งตั้งอยู่ในป่าตรงข้ามกับวัด เป็นรอยพระพุทธบาทที่มีน้ำไหลหล่อเลี้ยงตลอดทั้งปี ซึ่งเป็นรอยพระบาททับซ้อนกัน 7 รอย เป็นความอัศจรรย์ที่หายากมากๆ เลยทีเดียวค่ะ

    ที่อยู่ : ตำบลสร้างค้อ อำเภอภูพาน จังหวัดสกลนคร
    เปิดให้เข้าชม : 06.00-17.00 น.

6
เครื่องมือจัดฟันเด็ก ภายนอกปาก ทำงานอย่างไร

การจัดฟันในเด็ก เป็นการรักษาทางทันตกรรมอย่างหนึ่งที่ใช้แก้ไขปัญหาฟันในเด็ก ซึ่งโดยปกติแล้ว เด็กจะมีโอกาสฟันผุได้มาก เนื่องจากเด้กชอบรับประทานอาหารที่มีความหวาน เช่น ขนม ลูกอม หรือน้ำหวาน ที่เป็นสาเหตุของการเกิดฟันผุในเด็ก ยิ่งถ้าเด็กไม่ใส่ใจในเรื่องของการความสะอาดช่องปากและฟัน ก็จะยิ่งทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟันได้ง่าย ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครอง ควรที่จะใส่ใจในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กๆให้มาก ควรปลูกฝังให้เด็กรู้จักรักษาความสะอาดของสุขภาพช่องปากและฟัน เพื่อที่จะได้ป้องกันการเกิดปัญหาฟันผุ หรือโรคที่เกี่ยวข้องกับช่องปาก

นอกจากนี้ เด็กที่มีพฤติกรรมที่ผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็น ชอบดูดขวดนม ชอบดูนิ้ว ก็มีผลต่อสุขภาพช่องปากและฟันในอนาคตได้ เพราะการที่เด็กมรพฤติกรรมดูดนิ้ว อาจจะส่งผลต่อรูปร่างของฟันได้ ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่หมั่นสังเกตพฤติกรรมและหาวิธีทางแก้ไขพฤติกรรมดังกล่าวของลูก สำหรับการเข้ารับการจัดฟันในเด็กนั้น เด็กสามารถเข้ารับการจัดฟันในเด็กได้ตั้งแต่ อายุ 4 ปี โดยไม่รอให้ฟันน้ำนมหลุดออกหมด ถ้าเป้นเด็กในวัย 4 ปี หรืออยู่ในช่วงที่ไม่สามารถให้ความร่วมมือกับทันตแพทย์ได้ไม่ดีนัก จะใช้วิธีการจัดฟันในเด็ก โดยใช้เครื่องมือ EF Line ในการรักษา เครื่องมือ EF Line ยังสามารถช่วยแก้ไขปัญหาโครงสร้างของใบหน้า ช่วยปรับกล้ามเนื้อทำให้เด็กมีโครงสร้างของใบหน้าที่สวย และไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม ในการจัดฟันในเด็ก ก็ยังมีเครื่องมือภายนอกปาก ซึ่งมีด้วยกัน 2 ประเภทใหญ่ๆ

 ซึ่งวันนี้ทางคลินิกของเราจะพามารู้จักกับเครื่องมือการจัดฟันในเด็ก ภายนอกปาก ซึ่งมีด้วยกัน 2 ประเภท และมีการทำงานที่แตกต่างกันออกไป นั่นก็คือ Headgear เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับเด็กที่มีปัญหาขากรรไกรบนยื่นมากผิดปกติ เมื่อเทียบกับขากรรไกรล่าง โดยจะใส่เครื่องมือที่เรียกว่า Headgear ที่ทำหน้าที่ยับยั้งการเจริญเติบโตของขากรรไกรบน นั่นเอง ต่อมาอีกประเภทหนึ่งก็คือ Protection Face Mask ใช้สำหรับแก้ไขปัญหาขากรรไกรล่างยื่นมากผิดปกติ เมื่อเทียบกับขากรรไกรบน เป็นการดึงขากรรไกรบนมาข้างหน้า และยับยั้งการเจริญเติบโตของขากรรไกรล่าง โดยเครื่องมือจัดฟันภายนอกปากจะมุ่งเน้นแก้ไขโครงสร้างขากรรไกรของเด็กเป็นหลัก เนื่องจากเด็กจะต้องใส่ในขณะนอนหลับ เฉลี่ยประมาณ12-14 ชั่วโมงต่อคืน

ดังนั้น การใช้เครื่องมือดังกล่าว จึงต้องได้รับความร่วมมือจากเด็กค่อนข้างมาก แต่หากเป็นเครื่องมือจัดฟันแบบถอดได้จะมุ่งเน้นการแก้ไขการปรับแต่งขากรรไกรบ้างหรือแก้ไขความผิดปกติของฟัน ส่วนการจัดฟันที่ใช้เครื่องมือแบบถอดได้นั้น จะใช้ในกรณีที่ เด็กมีฟันล่างคร่อมฟันบน แต่ไม่มีปัญหาที่โครงสร้างของใบหน้า ก็จะใส่เครื่องมือถอดได้ในช่องปากเพื่อทำการผลักฟันล่างออกมากรณีที่ฟันบนยื่นมากๆ  จะใส่เครื่องมือที่หน้าตาคล้ายกับรีเทนเนอร์ เพื่อดันฟันหน้าบนให้เคลื่อนที่ไปด้านหลัง และมีตัวระนาบเอียง เพื่อกระตุ้นให้ขากรรไกรล่างมีการเคลื่อนที่มาข้างหน้านั่นเอง

ซึ่งการเลือกใช้เครื่องมือการจัดฟันในเด็ก ทันตแพทย์ก็จะเป้นพิจารณาว่า เด็กมีปัญหาในเรื่องใด และเหมาะสมที่จะใช้เครื่องมือการจัดฟันอย่างไร เพื่อที่จะได้แก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด และมีประสิทธิภาพมากทที่สุด เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ในระยะยาวได้ เพื่อให้เด็กเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี มีฟันที่สวยงามเป็นธรรมชาติ มีรอยยิ้มที่สดใสสมวัย และมีบุคลิกภาพที่มั่นใจด้วย ดังนั้น ในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กจึงมีความสำคัญมาก อย่าคิดว่าเด็กกำลังมีฟันน้ำนมอยู่ รอให้โตจนฟันแท้ขึ้นครบจึงค่อยมาดูแล เพราะกว่าจะถึงตอนนั้น ก็อาจจะสายไปแล้วก็ได้ เพราะฟันน้ำนมของเด็ก ก็มีความสำคัญไม่แพ้กันส่งผลต่อการขึ้นของฟันแท้โดยตรง พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะดูแลให้มากเป็นพิเศษ

สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจพาบุตรหลานของท่าน เข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านทันตกรรมในเด็ก และมีประสบการณ์ทางด้านการจัดฟฟันมาอย่างยาวนาน จึงสามารถให้คำแนะนำได้อย่างถูกต้อง ตามหลักวิชาการ เพราะเราอยากพ่อแม่ทุกคนใส่ใจในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน เพื่อที่ลูกจะได้เติบโตไปเป้นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี

7
คอนโดติดรถไฟฟ้า โมดิซ โวยาจ ศรีนครินทร์ (Modiz Voyage Srinakarin)
เริ่มต้น 1.99 ลบ.

โมดิซ โวยาจ ศรีนครินทร์ (Modiz Voyage Srinakarin)
คอนโดมิเนียมไฮไรซ์ สูง 37 ชั้น บนพื้นที่กว่า 3 ไร่ โดดเด่นด้วยดีไซน์เปิดรับวิวที่จัดเต็มแบบ 360 องศา ติดถนนศรีนครินทร์ที่สามารถเดินทางเข้า–ออกเมืองได้อย่างสะดวกสบาย ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วนศรีรัช เพียง 5 นาที ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเหลืองสถานีศรีกรีฑา 300 เมตร พร้อมพรั่งด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกรอบโครงการ

 รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ            โมดิซ โวยาจ ศรีนครินทร์ (Modiz Voyage Srinakarin)
 เจ้าของโครงการ      แอสเซทไวส์
 แบรนด์ย่อย            โมดิซ
 ราคา                    เริ่มต้น 1.99 ลบ.

 ราคาเฉลี่ยต่อตร.ม.          โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ลักษณะทำเล                 คอนโดใกล้ขนส่งสาธารณะ
 ความสูงคอนโด              High Rise (9 ชั้นขึ้นไป)
 ลักษณะกรรมสิทธิ์           โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ประเภทห้องที่มี              โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ขนาดห้องที่มี                 ตั้งแต่ 23.40 ถึง 35.00 ตร.ม.
 เนื้อที่ทั้งหมด                3 ไร่ 2 งาน 85 ตร.ว.
 จำนวนตึก                    1 อาคาร
 จำนวนชั้น                   37 ชั้น
 จำนวนห้อง                 813 ยูนิต
 ที่จอดรถทั้งหมด             โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ค่าบำรุงส่วนกลาง            โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 สาธารณูปโภค                โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ

 สถานที่ใกล้เคียง
 โซน        รามคำแหง, บางกะปิ, เสรีไท
 ที่ตั้ง          ถนนศรีนครินทร์ แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. 10240

 ขนส่งสาธารณะ
รถไฟฟ้า:            ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีเหลือง, สถานี(ลาดพร้าว - สำโรง)(ศรีกรีฑา)

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง
เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ
ร.ร.นานาชาติเวลลิงตัน
ร.ร.เตรียมอุดมพัฒนาการ
ม.อัสสัมชัญ วิทยาเขตหัวหมาก
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA)
สมิติเวช ศรีนครินทร์

8
อาหารจากพืช แนวโน้มที่เพิ่มขึ้นในการรับประทานอาหารสุขภาพ

อาหารจากพืชได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้คนจำนวนมากขึ้นตระหนักถึงสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และสวัสดิภาพสัตว์ของตน แนวโน้มการบริโภคอาหารนี้เน้นการบริโภคอาหารที่ได้จากพืช ได้แก่ ผัก ผลไม้ ถั่ว เมล็ดพืช น้ำมัน ธัญพืชไม่ขัดสี พืชตระกูลถั่ว และถั่วต่างๆ ด้วยคุณประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่ลดลง

อาหารที่มีพืชเป็นหลักจึงกลายเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับหลาย ๆ คนที่มองหาวิถีชีวิตที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น


ประโยชน์ด้านสุขภาพ

1. อุดมไปด้วยสารอาหาร
อาหารจากพืชอุดมไปด้วยสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็น ผักและผลไม้ให้วิตามิน A, C และ E สูง ในขณะที่ธัญพืชและพืชตระกูลถั่วเป็นแหล่งของเส้นใย โปรตีน และคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่ดี สารอาหารเหล่านี้มีความสำคัญต่อการรักษาสุขภาพที่ดี เพิ่มภูมิคุ้มกัน และลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง

2. สุขภาพหัวใจ
ประโยชน์ที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของอาหารจากพืชคือการปรับปรุงสุขภาพของหัวใจ ผลการศึกษาพบว่าการรับประทานอาหารที่มีผักผลไม้ เมล็ดธัญพืช และถั่วสูงสามารถลดระดับคอเลสเตอรอล ลดความดันโลหิต และลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจได้ ปริมาณเส้นใยสูงและการขาดคอเลสเตอรอลในอาหารจากพืชส่งผลให้สุขภาพหัวใจดีขึ้น

3. การควบคุมน้ำหนัก
การรับประทานอาหารที่มีพืชเป็นหลักสามารถช่วยควบคุมน้ำหนักได้ โดยทั่วไปอาหารจากพืชจะมีแคลอรี่ต่ำกว่าและมีเส้นใยสูง ซึ่งช่วยส่งเสริมความอิ่มและลดปริมาณแคลอรี่โดยรวม ส่งผลให้น้ำหนักตัวมีสุขภาพดีขึ้นและลดความเสี่ยงต่อโรคที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วน

4. ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง
อาหารที่อุดมด้วยอาหารจากพืชสัมพันธ์กับการลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวานประเภท 2 มะเร็งบางชนิด และความดันโลหิตสูง สารต้านอนุมูลอิสระ สารพฤกษเคมี และคุณสมบัติต้านการอักเสบของอาหารจากพืชมีบทบาทสำคัญในการป้องกันและจัดการสภาวะเหล่านี้

ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

การเปลี่ยนมารับประทานอาหารที่มีพืชเป็นหลักไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสิ่งแวดล้อมด้วย การเลี้ยงสัตว์มีส่วนสำคัญในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การตัดไม้ทำลายป่า และมลพิษทางน้ำ การลดการบริโภคผลิตภัณฑ์จากสัตว์ทำให้แต่ละบุคคลสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้อย่างมาก และมีส่วนช่วยให้ระบบอาหารที่ยั่งยืนมากขึ้น

วิธีการเปลี่ยนมารับประทานอาหารที่มีพืชเป็นหลัก

1. เริ่มช้าๆ
การเปลี่ยนมารับประทานอาหารที่มีพืชเป็นหลักไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน เริ่มต้นด้วยการค่อยๆ รับประทานอาหารที่มีพืชเป็นส่วนประกอบเป็นหลัก แทนที่อาหารหนึ่งหรือสองมื้อต่อสัปดาห์ด้วยตัวเลือกที่มีพืชเป็นส่วนประกอบหลัก และค่อยๆ เพิ่มขึ้นจากนั้น

2. ทดลองใช้สูตรอาหารจากพืช
สำรวจสูตรอาหารที่เน้นพืชเป็นหลักเพื่อค้นหาสิ่งที่คุณชอบ มีอาหารจากพืชที่อร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการนับไม่ถ้วนให้ลอง ตั้งแต่ซุปถั่วเลนทิลแสนอร่อย สลัดถั่ว ไปจนถึงผักผัดและชามธัญพืช

3. มุ่งเน้นไปที่อาหารทั้งมื้อ
จัดลำดับความสำคัญของอาหารจากพืชทั้งส่วนที่ยังไม่แปรรูป เลือกใช้ธัญพืชไม่ขัดสี ผลไม้และผักสด ถั่ว เมล็ดพืช และพืชตระกูลถั่ว หลีกเลี่ยงอาหารจากพืชที่ผ่านการแปรรูปสูงซึ่งอาจมีการเติมน้ำตาล ไขมันที่ไม่ดีต่อสุขภาพ และส่วนผสมเทียม

4. ให้ความรู้แก่ตนเอง
เรียนรู้เกี่ยวกับแง่มุมทางโภชนาการของการรับประทานอาหารที่มีพืชเป็นหลักเพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้ตอบสนองความต้องการด้านอาหารของคุณ ใส่ใจกับสารอาหาร เช่น โปรตีน เหล็ก แคลเซียม วิตามินบี 12 และกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งสามารถหาได้จากอาหารจากพืชหรืออาหารเสริมหากจำเป็น

การเปลี่ยนแปลงไปสู่การรับประทานอาหารจากพืชเป็นมากกว่ากระแสนิยม เป็นทางเลือกในการดำเนินชีวิตที่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายและผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม โดยผสมผสานพืชพรรณมากขึ้น

9
โทรศัพท์มือถือใหม่ 2024: เรียลมี realme GT6T (12GB+256GB)
18,999 บาท

เรียลมี realme GT6T (12GB+256GB)
จอแสดงผล Hyper Display 6000 นิต จอสมาร์ตโฟนที่สว่างที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ชิปเซ็ตระดับแฟลกชิป Snapdragon® 7+ Gen 3 ชิปเซ็ต Snapdragon รุ่นใหม่ล่าสุด
ระบบระบายความร้อนชั้นนำ Iceberg Vapor Cooling System
แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5500mAh มาตราฐานสมาร์ตโฟนแฟลกชิปสมัยใหม่
ชาร์จเร็ว SUPERVOOC 120W ชาร์จไว เร็วเแรง
RAM 12GB + ความจุในตัวเครื่อง 256GB ช่วยให้เครื่องทำงานราบรื่นได้นานหลายปี

รายละเอียดเบื้องต้น
   ยี่ห้อ-รุ่น                เรียลมี realme GT6T (12GB+256GB)
   ราคากลาง             18,999 บาท
   จำนวนซิม              2 ซิม (Nano Sim)
   แบบดีไซน์             จอสัมผัส
   สี                       Silver(Fluid Silver), Green(Razor Green)

   ความถี่-เครือข่าย
2G
3G
4G
5G

   ขนาด-น้ำหนัก                   ยาว 162 x กว้าง 75.1 x หนา 8.65 มม., น้ำหนัก 191 กรัม
   ความจุข้อมูลภายใน (ROM)   256 GB
   ความจุข้อมูลภายนอกสูงสุด      -
   แบตเตอรี่ และระบบชาร์จ       ความจุแบตเตอรี่ 5,500 mAh

จอแสดงผล
   ชนิดจอ             จอสัมผัส ()
   ความละเอียด      6.78 นิ้ว, 1,264 x 2,780 px

   รายละเอียดอื่น     
จอแสดงผลสว่าง 6000 นิต
ขนาด: 6.78 นิ้ว (17.22 ซม.)
ความสว่าง: 1000 นิต (ปกติ) / 1600 นิต (โหมดสว่าง) / 6000 นิต (สูงสุด)
อัตราการรีเฟรชหน้าจอ: สูงสุด 120Hz
Touch Sampling Rate: สูงสุดถึง 2500Hz
อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง: 94.2%
อัตราส่วนคอนทราสต์: 5,000,000 : 1
ขอบเขตการแสดงสี: 100% DCI-P3
ความลึกของสี: 1.07 พันล้านสี
เทคโนโลยีปกป้องจอภาพ: GGV2

กล้องถ่ายรูป
   ขนาด-ความละเอียด                กล้องหลัง (50 Mpx), กล้องหน้า (32 Mpx)
   ความละเอียดของภาพภ่ายสูงสุด
   คุณสมบัติ                            -

ระบบปฏิบัติการ
   หน่วยประมวลผล (CPU)           Snapdragon? 7+ Gen 3
   หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU)   Adreno? 732 @950MHz
   หน่วยความจำ (RAM)              12.0 GB
   ระบบเชื่อมต่อภายนอก              USB(Type-C), Bluetooth, Wi-Fi
   ระบบรับส่งข้อความ                  -
   การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต             3G, WiFi, 4G, 5G

10
หมอประจำบ้าน: เหงือกอักเสบ (Gingivitis)

เหงือกอักเสบ (รำมะนาด โรคปริทันต์) เป็นโรคที่พบได้บ่อยมากโรคหนึ่ง พบในผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก

มักพบในผู้ที่ดูแลสุขภาพช่องปากและฟันได้ไม่ดี และกลุ่มคนที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้

โรคนี้ส่วนใหญ่จะมีอาการไม่รุนแรง แต่อาจเป็นเรื้อรัง และหากปล่อยปละละเลย ไม่ได้ดูแลรักษาอย่างจริงจัง ก็อาจทำให้เกิดภาวะที่รุนแรง และการสูญเสียฟันได้

นอกจากนี้ ผู้ที่มีภาวะขาดอาหาร มีความเครียดสูง หรือมีภูมิคุ้มกันต่ำ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยเอดส์) อาจเกิดโรคเหงือกอักเสบชนิดรุนแรง ที่เรียกว่า "เหงือกอักเสบชนิดแผลเนื้อตายเฉียบพลัน (acute necrotizing ulcerative gingivitis/ANUG)" ซึ่งมักเป็นภาวะแทรกซ้อนของผู้ที่เป็นเหงือกอักเสบเรื้อรัง

สาเหตุ

เกิดจากการสะสมของแผ่นคราบฟัน (dental plaque) และคราบหินปูน* ซึ่งจะมีเชื้อแบคทีเรียอยู่จำนวนมาก เชื้อแบคทีเรียจะปล่อยสารพิษออกมาระคายต่อสารเคลือบฟันและเหงือก ทำให้ฟันผุและเหงือกอักเสบได้ ถ้าปล่อยทิ้งไว้แผ่นคราบฟันและหินปูนจะค่อย ๆ เจาะลึกลงไปในซอกเหงือกและฟัน ในที่สุดจะมีการทำลายกระดูกเบ้ารากฟัน ทำให้ฟันโยกและเกิดถุงหนองในกระดูกเบ้ารากฟันได้ เรียกว่า ฝีรำมะนาด หรือ ฝีปริทันต์ (periodontal abscess)   

ปัจจัยเสี่ยงของโรคนี้ ได้แก่ การขาดการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี ภาวะผิดปกติของฟันที่ทำให้รักษาความสะอาดได้ลำบาก (เช่น ฟันคุด ฟันคดเคี้ยว) ปากแห้ง ภาวะขาดสารอาหาร (รวมทั้งการขาดวิตามินซี) การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนในร่างกาย (เช่น การตั้งครรภ์ การกินยาเม็ดคุมกำเนิด) การสูบบุหรี่/เคี้ยวใบยาสูบ ภาวะสูงวัย ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ (เช่น เบาหวาน เอดส์ มะเร็งเม็ดเลือดขาว การใช้ยารักษาโรคมะเร็ง) ปัจจัยทางพันธุกรรม การใช้ยาบางชนิด (เช่น ยารักษาโรคลมชัก-เฟนิโทอิน ยาลดความดัน-กลุ่มยาต้านแคลเซียม)

เหงือกอักเสบชนิดแผลเนื้อตายเฉียบพลัน (acute necrotizing ulcerative gingivitis/ANUG) เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ไม่ใช้ออกซิเจน (anaerobes) เป็นส่วนใหญ่ เช่น Treponema, Selenomonas, Fusobacterium, Porphyromonas, Prevotella เป็นต้น

*คราบหินปูน (dental calculus) คือ แผ่นคราบฟันหรือแผ่นคราบจุลินทรีย์ที่แข็งตัวขึ้นเนื่องจากมีหินปูนเข้าไปจับตัวกลายเป็นคราบหินปูน ซึ่งเกาะอยู่ตามร่องเหงือกและยากต่อการขจัดออกด้วยตนเอง (จำเป็นต้องให้ทันตแพทย์ใช้เครื่องมือขูดออกเป็นระยะ) หากปล่อยไว้เป็นเวลายาวนาน ก็จะทำให้เกิดโรคเหงือกอักเสบได้


อาการ

ที่พบบ่อยคือ มีอาการเลือดออกเวลาแปรงฟันหรือใช้ไหมขัดฟัน อาจมีเลือดออกเวลากินอาหารหรือผลไม้ที่มีลักษณะแข็ง (ซึ่งมีการครูดถูกเหงือกที่อักเสบ) รู้สึกปวดเหงือกเล็กน้อย หรือมีกลิ่นปาก

สังเกตเห็นขอบเหงือกส่วนที่ติดกับฟันมีอาการบวม สีของเหงือกเปลี่ยนจากปกติที่เป็นสีชมพูเป็นสีแดงเข้มหรือสีออกคล้ำ ๆ

ในรายที่เป็นเหงือกอักเสบชนิดแผลเนื้อตายเฉียบพลัน จะมีไข้ อ่อนเพลีย เหงือกบวมแดงมาก เหงือกเป็นแผลและมีเลือดออกง่าย (อาจมีเลือดออกจากแผลเอง หรือจากการแตะถูกแผลเพียงเบา ๆ) มีกลิ่นปากแรง ผู้ป่วยมักมีอาการปวดแผลที่เหงือกมาก จนทำให้กินหรือกลืนอาหารลำบาก


ภาวะแทรกซ้อน

ถ้าไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้เหงือกและฟันเสีย

ถ้าเป็นถึงขั้นเกิดถุงหนองในกระดูกเบ้ารากฟัน อาจทำให้กลายเป็นโลหิตเป็นพิษ หรือเนื้อเยื่อใต้ขากรรไกรและใต้ลิ้นอักเสบรุนแรงดังที่เรียกว่า ลุดวิกแองไจนา ซึ่งอาจเป็นอันตรายร้ายแรงได้ (อ่านเพิ่มเติมที่หัวข้อ "ภาวะแทรกซ้อน" ใน "โรคปวดฟัน ฟันผุ")

นอกจากนี้ หากปล่อยให้เป็นเหงือกอักเสบเรื้อรัง อาจเกิด "เหงือกอักเสบชนิดแผลเนื้อตายเฉียบพลัน" ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง มักพบในผู้ที่มีภาวะขาดอาหาร มีความเครียดสูง หรือมีภูมิคุ้มกันต่ำ


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก

มักตรวจพบขอบเหงือกส่วนที่ติดกับฟันมีลักษณะบวมแดง เหงือกร่น (คล้ายกับฟันงอกยื่นยาวขึ้น) หากจับหรือสัมผัสบริเวณเหงือกที่บวมอาจมีอาการเจ็บ และอาจตรวจพบมีฟันผุร่วมด้วย

ในรายที่เป็นเหงือกอักเสบชนิดแผลเนื้อตายเฉียบพลัน ตรวจพบไข้ เหงือกบวมแดง เหงือกเป็นแผล มีเลือดออกง่าย (แตะถูกเบา ๆ ก็มีเลือดออก) มีแผ่นเยื่อบาง ๆ ออกสีเทาเคลือบที่ผิวของเหงือก ต่อมน้ำเหลืองที่ข้างคอ/ใต้คางโต

ในรายที่พบว่ามีภาวะแทรกซ้อน แพทย์จะทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น เอกซเรย์ ตรวจเลือด ตรวจหาเชื้อที่เป็นต้นเหตุของการติดเชื้อ เป็นต้น

การรักษาโดยแพทย์

นอกจากแนะนำการปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยแล้ว ทันตแพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

    แพทย์จะทำการขูดหินปูนและเกลารากฟัน เพื่อขจัดคราบจุลินทรีย์และคราบหินปูนที่ติดอยู่ตามซอกฟัน
    แก้ไขความผิดปกติที่พบ เช่น ทำการอุดฟันหรือครอบฟัน แก้ไขฟันที่คดเคี้ยว เป็นต้น
    ถ้ามีอาการรุนแรงหรือมีภาวะเหงือกร่น อาจต้องเจาะเอาหนองออก ผ่าตัดแก้ไขซ่อมแซม ผ่าตัดปลูกถ่ายเหงือก (นำเนื้อเยื่อมาปลูกถ่ายทดแทนเนื้อเยื่อที่เสียหายไป) หรือถอนฟันทิ้ง (ในรายที่ฟันเสียหายจนไม่อาจจะเยียวยาได้) เป็นต้น
    ให้ยาบรรเทาอาการ เช่น พาราเซตามอล (ลดไข้แก้ปวด) ใช้ยาชาชนิดเจล (ที่มีตัวยา lidocaine) ทาระงับปวด ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (ลดการอักเสบ) เป็นต้น
    ในรายที่พบว่าเหงือกติดเชื้อแบคทีเรีย แพทย์จะให้ยาปฏีชีวนะ (เช่น เพนิซิลลินวี อะม็อกซีซิลลิน อีริโทรไมซิน ดอกซีไซคลีน เมโทรไนดาโซล) ยาบ้วนปากที่มีตัวยาฆ่าเชื้อ (เช่น chlorhexidine)
    ในรายที่เป็นโรคเหงือกอักเสบชนิดแผลเนื้อตายเฉียบพลันที่รุนแรง หรือโรคลุดวิกแองไจนา แพทย์จำเป็นต้องรับผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล ให้น้ำเกลือและให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำ

ผลการรักษา เมื่อได้รับการรักษาจากแพทย์ร่วมกับการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง อาการมักจะทุเลาได้ภายใน 1 สัปดาห์ และหากผู้ป่วยดูแลสุขภาพช่องปากและฟันได้ดีอย่างต่อเนื่อง ก็สามารถป้องกันไม่ให้โรคกำเริบหรือป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้

การดูแลตนเอง

หากมีอาการเลือดออกเวลาแปรงฟัน ใช้ไหมขัดฟัน หรือกินอาหารที่มีลักษณะแข็ง ๆ หรือมีอาการปวดเหงือก เหงือกบวมแดงหรือเป็นแผล ควรปรึกษาแพทย์/ทันตแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเหงือกอักเสบ ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์/ทันตแพทย์
    ติดตามการรักษากับทันตแพทย์ตามนัด
    หมั่นดูแลความสะอาดช่องปากและฟัน โดยการแปรงฟันนาน 2 นาที อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้ากับก่อนนอน ใช้ไหมขัดฟันอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง ถ้าจะดียิ่งขึ้นควรแปรงฟันหลังกินอาหารหรือของว่างทุกครั้งได้ยิ่งดี
    ไม่สูบบุหรี่/เคี้ยวใบยาสูบ เพราะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของโรคนี้
    บ้วนปากด้วยน้ำเกลืออุ่น ๆ (ผสมเกลือแกง 1 ช้อนชา หรือ 5 มล. ในน้ำอุ่น 1 แก้ว หรือ 250 มล.) วันละ 2-3 ครั้ง
    กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และให้สมดุลตามหลักธงโภชนาการ

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้

    มีไข้สูง อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร
    อาเจียน กินอาหารหรือดื่มน้ำไม่ได้ 
    มีอาการปวดหรือมีเลือดออกมากขึ้น
    หลังดูแลตนเองนาน 1 สัปดาห์แล้วอาการเหงือกอักเสบไม่ดีขึ้น เช่น เหงือกยังบวมแดง อาการปวดหรือเลือดออกไม่ทุเลา
    มีความวิตกกังวล
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปใช้ที่บ้าน ถ้าใช้ยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ หน้ามืด หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

1. โรคนี้สามารถป้องกันได้ด้วยการรักษาความสะอาดไม่ให้มีการสะสมของแผ่นคราบฟัน (แผ่นคราบจุลินทรีย์) ด้วยการแปรงฟันให้ถูกวิธีอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และใช้ไหมขัดฟันอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง (ควรใช้ไหมขัดฟันก่อนการแปรงฟัน จะช่วยขจัดเศษอาหารและจุลินทรีย์ได้ดียิ่งขึ้น) และหลังกินอาหารทุกครั้งควรบ้วนปากหรือแปรงฟันทันที ควรเปลี่ยนแปรงสีฟันใหม่ทุก 3-4 เดือน ถ้าเป็นไปได้ควรใช้แปรงสีฟันไฟฟ้า เพราะช่วยขจัดคราบจุลินทรีย์และคราบหินปูน

2. ควรไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากและฟันทุก 6-12 เดือน หรือตามแพทย์นัด ถ้าพบมีหินปูนแพทย์จะได้ทำการขูดหินปูน เป็นการป้องกันโรคเหงือกเสียแต่เนิ่น ๆ

3. ลดปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรค เช่น ไม่สูบบุหรี่/เคี้ยวใบยาสูบ, กินอาหารให้ครบถ้วนและสมดุล, ดื่มน้ำให้พอเพียง ระวังอย่าให้ปากแห้ง, ควบคุมโรคประจำ (เช่น เบาหวาน) ให้ได้ผล, ป้องกันความเครียดด้วยการหมั่นออกกำลังกายและนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เป็นต้น

ข้อแนะนำ

1. นอกจากการดูแลสุขภาพช่องปากไม่ดีแล้ว โรคนี้ยังอาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น ฟันคุด การใช้ยาบางชนิด (เช่น เฟนิโทอินที่ใช้รักษาโรคลมชัก ไซโคลสปอริน ที่ใช้ในผู้ป่วยผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะ ยาลดความดัน-ไนเฟดิพีน เป็นต้น) การติดเชื้อเริมในช่องปาก (ดู โรคเริมในช่องปากชนิดเฉียบพลัน เฮอร์แปงไจนา) ภาวะขาดวิตามินซี (ดู โรคลักปิดลักเปิด) มะเร็งเม็ดเลือดขาว (ซึ่งอาจมีเหงือกบวมแดง และเลือดออกง่ายเป็นอาการนำมาพบแพทย์ก่อนอาการอื่น) เป็นต้น ดังนั้นเมื่อพบผู้ป่วยมีอาการเหงือกอักเสบ ควรตรวจหาสาเหตุให้แน่ชัด

2. หญิงตั้งครรภ์และหญิงวัยหมดประจำเดือนมีโอกาสเป็นโรคเหงือกอักเสบได้มากขึ้น จึงควรใส่ใจดูแลสุขภาพช่องปาก และปรึกษาทันตแพทย์ให้บ่อยกว่าคนทั่วไป

3. ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ (เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน เอดส์) อาจเป็นเหงือกอักเสบที่มีความรุนแรงมากกว่าคนปกติ ดังนั้นถ้าพบผู้ที่เป็นเหงือกอักเสบรุนแรงควรตรวจหาสาเหตุที่แฝงอยู่

11
การจัดฟันเด็ก เด็กควรที่ปฏิบัติตัวอย่างไร เพื่อให้การจัดฟันมีผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพ

ในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของลูกนั้น มีความสำคัญมากต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เพราะถ้าหากเด็กมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี ก็จะสามารถทำกิจกรรมได้อย่างเต็มที่ และยังเป็นการช่วยส่งเสริมในเรื่องของพัฒนาการของเด็กได้อย่างดีเลยทีเดียว ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะดูแลเอาใจใส่ในเรื่องของสุขภาพฟันของลูกให้มากเป้นพิเศษ เพราะฟันของลูกเรานั้น จะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต ถ้าหากเด็กมีปัญหาเกี่ยวกับช่องปากและฟัน

ควรที่จะพาเด็กเข้ารับการตรวจฟันกับทันตแพทย์เพื่อทำการรักษาทันที หากปล่อไว้จนเด็กโตขึ้น ปัญหาดังกล่าวอาจจะลุกลามไปจนขึ้นขั้นเป็นปัญหาที่ยากจะแก้ไขได้ ที่สำคัญถ้าหากเด็กมีปัญหาเกี่ยวกับรูปร่างของฟัน ก็ควรที่จะพาเด็กเข้าพบทันตแพทย์จัดฟัน เพื่อเข้ารับการแก้ไขปัญหาทันที เพราะการจัดฟันในเด็กนั้น สามารถแก้ไขปัญหาได้ในระยะยาว ทั้งยังช่วยส่งเสริมให้เด็กรู้จักวิธีการแปรงฟัน การดูแลรักษาคาวมสะอาดช่องปากและฟันตั้งแต่อายุยังน้อยด้วย

ถือว่ามีประโยน์ต่อตัวเด้กมากเลยทีเดียว ดังนั้น พ่อแม่ไม่ควรมองข้ามในเรื่องของฟันของเด็ก แต่พ่อปม่หลายคนอาจจะมีความกังวลเพราะค่าใช้จ่ายในการจัดฟันในเด็ก ก็มีราคาค่อนข้างสูง กลัวว่าเมื่อเด็กเข้ารับการจัดฟันแล้ว จะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร เพื่อไม่ให้เด็กเสียเวลาที่จะต้องเข้ารับการจัดฟันใหม่ หรือปฏิบัติตัวอย่างไรให้มีผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพ

 วันนี้ทางคลินิก ของเราจะมาพูดถึงการปฏิบัติตัวของเด็ก ที่จะช่วยทำให้มีผลการรักษาในการจัดฟันในเด็กทีมีประสิทธิภาพ และสามารถใช้งานได้จริง ช่วยแก้ไขปัญหาได้ในระยะยาว สำหรับขอแรกหลายคนคงจะทราบกันดีอยู่แล้ว ผู้เข้ารับการจัดฟันนั้น ไม่ว่าจะเป้นการจัดฟันในรูปแบบใด ในเรื่องของการทำความสะอาดก้จะยากกว่าคนทั่วไป เพราะเรามีเครื่องมือการจัดฟันติดตั้งอยู่ภายในช่องปาก

จึงมีความจำเป้นที่จะต้องทำความสะอาดช่องปากและฟันให้ดีมากเป็นพิเศษ พ่อแม่ผู้ปกครองบางคนอาจจะคิดว่า การจัดฟันของเด็กเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก เด็กๆอาจจะปฏิบัติตัวขณะจัดฟันได้ไม่ถูกต้องหรือมีคาวมยุ่งยากในการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ต้องบอกก่อนว่า เด็กทุกคนสามารถปรับตัวได้ และการจัดฟันก็ไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่หลายคนคิด เพราะจริงๆ แล้วการจัดฟัน มีหลักปฏิบัติง่ายๆ อยู่ 4 อย่างเท่านั้นเอง ซึ่งก็ได้แก่ แปรงฟันให้สะอาดอยู่เสมอ เข้ามาปรับเครื่องมือตามที่ทันตแพทย์จัดฟันนัด ปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด

 ระวังอย่าให้เครื่องมือหลุด เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และเหมาะสม เพราะการที่เรารับประทานอาหารที่มีความแข็งเกินไป เช่นลูกอม ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความเสียหายของเครื่องมือการจัดฟันได้ ที่สำคัญภายหลังจากการจัดฟันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ควรใส่เครื่องมือคงสภาพฟัน ซึ่งข้อปฏิบัติเหล่านี้อาจจะทำให้ชีวิตอาจยุ่งยากขึ้นบ้าง
แต่ก็คงไม่มีอะไรเกินความสามารถ และในขณะจัดฟัน เด็กๆ ก็ยังสามารถรับประทานอาหารและเล่นกีฬาที่พวกเขาชื่นชอบได้ เพียงแต่ต้องระวังนิดหน่อยเท่านั้นเอง เพียงเท่านี้ก็จะทำให้เด็กมีผลการรักษาด้วยการจัดฟันในเด็ก ที่มีประสิทธิภาพ สามารถมีฟันที่สวยงามได้แล้ว นอกจากจะชช่วยในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันแล้ว การจัดฟันในเด็กยังช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพของเด็กได้อีกด้วย ทำให้เด็กมีคาวมมั่นใจมากยิ่งขึ้น มีรอยยิ้มที่สดใส สมวัยได้

 สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด อยากพาบุตรหลาของท่านเข้ารับการรักษาด้วยการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการจัดฟันในเด็ก และมีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน จึงมั่นใจได้ว่า บุตรหลานของท่านจะมีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงาม สามารถบดเคี้ยวอาหารได้ดี และมีพัฒนาการที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน และยังช่วยทำให้สสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่มีความสุขได้

12
all new mitsubishi triton 2024: Mitsubishi Triton รุ่นตัวเตี้ยหน้าใหม่ สง่างามและทรงพลัง

เปิดตัวรวดเดียว 3 รุ่นเลยทีเดียวสำหรับ Mitsubishi Triton (มิตซูบิชิ ไตรตัน) ใหม่ ซึ่งเป็นรุ่นตัวถังต่ำหรือรุ่นตัวเตี้ยหน้าใหม่ ขับเคลื่อนสองล้อ โดย บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) ก็ออกโรงกล่าวเลยว่า รถรุ่นนี้จะทำให้ผู้ที่ชื่นชอบรถกระบะสามารถเป็นเจ้าเข้าเจ้าของได้ง่ายขึ้น

โดย 3 รุ่นที่เรากล่าวถึงนั้นก็ได้แก่ ซิงเกิลแค็บ, เมกะแค็บ และ ดับเบิลแค็บ ซึ่งจะมีการแยกไปอีก 4 รุ่นย่อย และอีก 1 รุ่นย่อยใหม่นั่นก็คือ ซิงเกิลแค็ป 4WD 2.4 GL 6AT เกียร์อัตโนมัติ ออกทำตลาดร่วมกับรุ่นเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะซึ่งมีจำหน่ายในปัจจุบันอยู่แล้ว สิริรวมแล้ว รถกระบะในตระกูล มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ มีจำนวนทั้งสิ้น 21 รุ่นย่อยด้วยกัน

รุ่น ดับเบิลแค็บ

ในขณะที่ มิตซูบิชิ ไทรทัน รุ่นตัวเตี้ยหน้าใหม่ ก็ยังคงความทนทานแข็งแกร่ง ยอดเยี่ยมในเรื่องสมรรถนะการขับขี่ รวมไปถึงอเนกประสงค์และเทคโนโลยีอันทันสมัย มากไปกว่านั้น ล้ออัลลอยก็เพิ่มขนาดเป็น 16 นิ้ว ไฟหน้าฮาโลเจน โปรเจคเตอร์ พร้อมด้วยระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ EBD ซึ่งเป็นการปรับโฉมภายใต้แนวคิด “แกร่งดั่งหินผา” นั่นเอง

ด้านการดีไซน์ก็ยังมีความเป็นเอกลักษณ์ Advanced ‘Dynamic Shield’ ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ทั้งยังมีเส้นสายสุดดุดันของฝากระโปรงหน้า และไฟหน้าดีไซน์ใหม่กับการติดตั้งบนตำแหน่งที่สูงขึ้น บอกเลยว่าทั้งสง่างามและทรงพลัง

และแน่นอนว่าทั้ง 21 รุ่นของ มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ นี้ก็ยังคงตอบสนองต่อการใช้งานทุกรูปแบบเช่นเคย ไม่ว่าจะเป็นการลุยออฟโรด การขับขี่บนถนนทั่วไป รวมไปถึงการใช้งานแบบครอบตัวที่สะดวกสบาย หรือความแข็งแกร่งทนทานหากต้องใช้งานหนักในเชิงพาณิชย์

มิตซูบิชิ ไทรทัน รุ่นตัวเตี้ยหน้าใหม่ มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นตั้งแต่ 535,000 ไปจนถึง 682,000 บาท

13
ระวัง ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยที่ให้อาหารสายยาง !

การให้อาหารทางสายยางแก่ผู้ป่วยนั้น ถือเป็นเรื่องที่มักพบได้บ่อย ซึ่งเป็นการรักษาทางการแพทย์อีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยที่ไม่สามารถรับประทานอาหารเองได้ หรือผู้ป่วยที่ไม่รู้สึกตัว เกิดภาวะขาดสารอาหาร ซึ่งการให้อาหารทางสายยางนั้น ผู้ดูแลจะต้องมีความรู้ ความเชี่ยวชาญในเรื่องของการให้อาหารและอาหารที่จะนำมาให้ผู้ป่วยนั้นจะต้องมีขั้นตอนกระบวนการการผลิตที่สะอาด วัตถุดิบจะต้องมีความสะอาด ต้องผลิตในสถานที่ที่มีสิ่งแวดล้อมสะอาด และที่สำคัญมีการควบคุมการผลิตโดยนักโภชนาการที่มีความชำนาญในเรื่องของการออกแบบสูตรอาหารเพื่อผู้ป่วย

เพราะผู้ป่วยที่เป็นโรคบางโรคจะต้องมีการรับประทานอาหารที่จำกัด วัตถุดิบบางชนิดก็ห้ามรับประทาน หรือบางกรณีผู้ป่วยอาจจะมีการแพ้อาหาร ซึ่งข้อมูลประจำตัวของผู้ป่วยจะต้องมีการแจ้งให้นักโภชนาการรับทราบ เพื่อที่จะได้ออกแบบอาหารมาเหมาะสมกับร่างกายผู้ป่วย รวมไปถึงสัดส่วนและปริมาณ เพื่อป้องการเกิดภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยที่ต้องให้อาหารทางสายยาง ซึ่งภาวะแทรกซ้อนที่เกิดในผู้ป่วยนั้น ถือเป็นเรื่องที่อันตรายพอสมควร เนื่องจากผู้ป่วยไม่สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ เช่นเดียวกันกับการรับประทานยา ก็จะทำให้ลำบากขึ้น เพราะฉะนั้นควรดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด อาหารการกินของผู้ป่วยจะต้องมีความสะอาด และถูกสุขลักษณะมากที่สุด

สำหรับภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยนั้น มักพบได้บ่อย เพราะเนื่องจากผู้ป่วยไม่สามารถรับประทานอาหารได้ปกติ เรื่องของการเกิดภาวะแทรกซ้อนจึงมักพบได้บ่อย สำหรับภาวะแทรกซ้อนที่อาจพบได้ในผู้ป่วยที่ได้รับอาหารทางสายยาง คือภาวะท้องเดินหรืออาการท้องเสียนั่นเอง สาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยมีอาการท้องเสีย ส่วนใหญ่เกิดจากการเตรียมอาหารที่ไม่สะอาด อาหารมีการปนเปื้อนของเชื้อโรค หรือการให้อาหารในอัตราที่เร็วเกินไป อาหารเย็นเกินไป อาหารที่ให้ผู้ป่วยมีความเข้มข้นของอาหารเหลวที่ให้มากเกินไป อาหารมีปริมาณไขมันสูงเกิน 20 กรัมต่อลิตร ต่อมาภาวะแทรกซ้อนที่มักพบได้บ่อยเช่นกัน คือภาวะการขาดน้ำ ซึ่งอาจเป็นผลต่อเนื่องจากปัญหาท้องเดิน หรือในผู้ป่วยรายที่ได้อาหารเข้มข้นสูง

นอกจากจะสูญเสียน้ำจากอาการท้องเดินแล้วร่างกายยังต้องการน้ำเพิ่มเพื่อมาเจือจางอาหารที่เข้มข้นเกินไป และในผู้ป่วยที่ได้โปรตีนในปริมาณมากเกินไป จะทำให้เกิดปัญหาขาดน้ำได้ นอกจากนี้การสำลักในผู้ป่วยที่ให้อาหารทางสายยาง ซึ่งผู้ดูแลจะต้องระวังเกี่ยวกับอาการสำลัก โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ไม่รู้สึกตัว จะเสี่ยงอันตรายมากเพราะจะเข้าไปที่หลอดลมลงสู่ปอดเกิดภาวะปอดอักเสบจากการสำลักได้ ซึ่งถ้าผู้ป่วยเกิดการสำลักอาหาร ผู้ดูแลควรหยุดการให้อาหารทันที และควรรีบแจ้งแพทย์ผู้ทำการรักษาให้เร็วที่สุด เพื่อแก้ไขปัญหาต่อไป หากปล่อยไว้นานอาจจะเกิดอันตรายแก่ผู้ป่วยได้

และอีกภาวะแทรกซ้อนที่มักพบได้บ่อยมากที่สุดในกลุ่มผู้ป่วยที่ต้องให้อาหารทางสายยางคือ การเกิดโรคขาดสารอาหาร พบได้ในผู้ป่วยที่ได้รับอาหารผ่านสายยางเป็นระยะเวลานาน แต่ผู้ป่วยอาจจะได้รับอาหารที่มีปริมาณไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย หรือได้รับอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการไม่ครบถ้วน ที่พบบ่อย คือได้อาหารที่เป็นแหล่งพลังงานไม่เพียงพอ มีสารอาหารที่ไม่ครบถ้วน

ซึ่งอาจทำให้ร่างกายผู้ป่วยเกิดการขาดวิตามิน และเกลือแร่ ที่พบบ่อยคือภาวะโซเดียมต่ำ เป็นต้น ซึ่งถือว่าเป็นภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายมากต่อผู้ป่วยที่ไม่สามารถรับประทานอาหารเองได้ ซึ่งจุดประสงค์หลักๆของการให้อาหารทางสายยางก็คือการป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยเกิดโรคขาดสารอาหารนั่นเอง เพราะถือว่าเป็นภาวะที่สามารถเป็นอันตรายถึงชีวิตได้เลย หากเกิดอาการอย่างรุนแรง ทั้งนี้การให้อาหารทางสายยางอาจจะทำให้ผู้ป่วยเกิดภาวะโรคอ้วนอีกด้วย ถึงแม้ว่าผู้ป่วยที่ต้องให้อาหารทางสายยาง อาจจะไม่ได้รับประทานอาหารได้ตามปกติ แต่ก็เสี่ยงการเกิดภาวะโรคอ้วนได้เช่นกัน ผู้ป่วยที่ได้อาหารทางสายยาง ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยที่ต้องนอนพักบนเตียง ไม่ค่อยมีกิจกรรมการเคลื่อนไหว

ดังนั้นเมื่ออยู่ในช่วงพักฟื้น ควรปรับลดปริมาณของพลังงานให้ลดลง เพื่อป้องกันปัญหาการได้รับโภชนาการเกินจนเกิดโรคอ้วนได้ เพราะฉะนั้น ผู้ดูแลควรสังเกตอาการและรูปร่างของผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด หากผู้ป่วยมีอาการผิดปกติ ผู้ดุแลควรรีบแจ้งแพทย์ผู้รักษาทันที เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายแก่ผู้ป่วย

14
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น

•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


15
ขายรถไมล์น้อย Volvo XC40 Twin Motor ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

Volvo XC40 Twin Motor รุ่นปรับปรุงใหม่ เพิ่มขนาดความจุดแบตเตอรี่ รองรับ Fast Charge ไฟกระแสตรง 200 กิโลวัตต์ วิ่งได้ไกลสูงสุด 645 กม./ชาร์จ

Volvo ประเทศไทย อัปเดต Volvo XC40 Twin Motor ขับเคลื่อน 4 ล้อ สำหรับรุ่นปี 2023 มีการเปลี่ยนแปลงหลัก คือ

เพิ่มขนาดความจุแบตเตอรี่จากเดิม 78 กิโลวัตต์-ชั่วโมง เป็น 82 กิโลวัตต์-ชั่วโมง
รองรับการชาร์จแบบเร็วด้วยไฟกระแสตรง 200 กิโลวัตต์ จากเดิม 150 กิโลวัตต์
ไฟหน้าแบบ Pixel LED
ปรับเฉดสีตัวถังใหม่ แต่ยังคงมีให้เลือก 6 สี เท่าเดิม
ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ลายใหม่

หมายเหตุ : รายละเอียดของรถยนตอ์าจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 29 ต.ค. - 31 ธ.ค. 2567
รับส่วนลดเพิ่มอีก 5,000 บาท เมื่อแจ้งว่าติดต่อจาก CheckRaka
ประกันภัยชั้น 1 + กล้อง DVR + MW

ราคาพิเศษ 2,090,000 บาท

สนใจสอบถามรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car


หน้า: [1] 2 3 ... 11
Tage: โฟสฟรี ประกาศฟรี ลงโฆษณาฟรี google โพสต์ฟรี ลงประกาศขายบ้านฟรี ลงประกาศขายบ้าน ลงประกาศขายที่ดินฟรี ลงประกาศขายคอนโดฟรี ประกาศฟรี ขายฟรี ขายรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ สถานที่ท่องเที่ยว เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ Google